วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2552

แคบหมู







แคบหมู
เป็นอาหารพื้นบ้าน ของชาวล้านนาไทย การทำแคบหมู เป็นวิธีการแปรรูป และถนอมอาหาร ที่เกิดจาก ภูมิปัญญาชาวบ้าน สืบทอดกันมาเป็นเวลาช้านาน แคบหมู นิยมใช้เป็นของฝาก เมืองเหนือที่มีคุณค่า ทั้งผู้ให้และผู้รับ และเป็นผลผลิต จากการนำหนังหมู มาผ่านกรรมวิธีการทอด จนได้ลักษณะกรอบ พอง มีกลิ่นหอม รสกลมกล่อม ใช้รับประทาน เป็นอาหาร ประเภทเครื่องเคียง กับน้ำพริกเมืองเหนือและแกงคั่วต่างๆลักษณะแคบหมูที่ทำจากหนังหมู แคบหมูที่ทำจากหนังหมูนี้ยังแยกออกได้เป็นหลายลักษณะ คือ
1. แคบหมูไร้มัน ทำจากหนังหมูล้วน ๆ เป็นแผ่นขนาด 2x4 นิ้วส่วนมากนิยมนำมาประกอบอาหาร เช่น ทำกระเพาะปลา ต้มยำ อาหารประเภทยำต่าง ๆ เช่น ยำแคบหมู ยำใหญ่ เป็นต้น มีจำหน่ายทั่วไปในตลาด
2. แคบหมูติดมันบ้างไม่มากนัก ขนาด 1 - 2x3 - 4 นิ้ว ลักษณะจะเป็นก้อนกลม ๆ นิยมรับประทาน เป็นเครื่องเคียง ดังได้กล่าวมาแล้ว แคบหมูชนิดนี้เหมาะเป็นของฝาก ในจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย แคบหมูชนิดนี้นิยมรับประทานกันมากและ หาซื้อได้โดยทั่วไป
3. แคบหมูติดมันและมีเนื้อปน ส่วนมาก นิยมทำเป็นแผ่นใหญ่ขนาด 7x10 นิ้ว ทำจากหนังหมูด้านข้างซี่โครง ส่วนมากนิยมทำ ที่จังหวัดตากน่าน แพร่ ที่อำเภอลอง เป็นต้น แคบหมูชนิดนี้ ไม่นิยมรับประทานกันมากนัก เพราะเก็บไว้ไม่ได้นาน
วิธีทำแคบหมูจากหนังหมู
อุปกรณ์

1. กระทะสำหรับทอด 1 ใบ
2. กะละมังขนาดกลาง 2 ใบ
3. อั้งโล่ หรือเตาไฟขนาดใหญ่ 1 เตา
4. ฟืนหรือถ่านตามสมควร
5. ปี๊บหรือหม้อเคลือบมีฝาปิด 2 ใบ
6. ตะหลิวมีด้ามยาว 1 อัน
7. กระชอนตักแคบหมูจากกระทะ 1 อัน
8. ตะกร้าไม้ไผ่สำหรับพักน้ำมัน 1 ใบ
9. ตราชั่งสำหรับชั่งหนังหมูและแคบหมู
10. ถุงพลาสติกขนาดต่าง ๆ และยางรัดของ
11. กระดาษซับน้ำมัน

ส่วนผสมในการทำแคบหมู ประกอบด้วย


1. เกลือ เป็นเครื่องปรุงที่เพิ่มรสชาติแคบหมูให้มีรสเค็ม กลมกล่อม ควรใช้ เกลือปน หยาบ มีสีขาว สะอาด ปราศจากฝุ่นและผงละอองเจือปน แห้งสนิท
2. ผงชูรส เป็นเครื่องปรุงเสริมแต่งให้แคบหมูมีรสชาติดียิ่งขึ้น ควรเลือกซื้อ ผงชูรสที่มีคุณภาพดีพอสมควร3. ซีอิ๊วขาว ใช้สำหรับแต่งสี และปรุงให้แคบหมูมีสีเข้ม มีรสและกลิ่น น่ารับประทาน
4. น้ำมันหมู ใช้สำหรับทอดแคบหมู ควรเป็นน้ำมันใหม่ สะอาด ไม่เหม็นหืน และไม่มี สีดำคล้ำส่วนผสมส่วนผสม
(สำหรับทำแคบหมูเชิงธุรกิจ)1. หนังหมู 10 กิโลกรัม2. เกลือ 11/4 ถุง ถุงละ 100 กรัม3. ผงชูรส 4 ช้อนโต๊ะ4. ซีอิ้วขาวหรือดำ 1 ช้อนโต๊ะส่วนผสม (สำหรับทำรับประทานในครอบครัว) 1. หนังหมู 2 กิโลกรัม2. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ3. ผงชูรส ? ช้อนชา4. ซีอิ้วขาวหรือดำ ? ช้อนชา

หมายเหตุ หากใช้ซีอิ๊วดำให้ลดปริมาณลงครึ่งหนึ่งของซีอิ๊วขาว

ข้อแนะนำ

1. ส่วนผสมสำหรับทำขายและส่วนผสมสำหรับทำรับประทาน ในครอบครัว หากประสงค์จะทำแคบหมูจำนวนมากหรือน้อยกว่านี้ ก็ให้เพิ่มหรือลดส่วนผสม ลงตามส่วนที่ต้องการ หากจะทำสำหรับบริโภคในครอบครัว ควรจะใช้หนังหมู ไม่น้อยกว่า2 กิโลกรัม มิเช่นนั้จะได้แคบหมูที่ไม่พองเท่าที่ควร
2. ถ้าใส่ส่วนผสม ซีอิ๊วมากเกินไป จะมีผลทำให้แคบหมูไม่พอง
3. ถ้าใช้หนังหมูที่ติดมันมากเกิน ? นิ้ว จะทำให้แคบหมูพองน้อย
4. ตามเกณฑ์ปกติ แคบหมูที่ได้จากการทอดหนังหมูจะได้น้ำหนัก 1 ใน 3 ของน้ำหนักหนังหมู ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวน มันที่ติดกับหนังหมูที่ใช้ ในการทำ แคบหมู หากมีมันมากก็จะได้ แคบหมูจำนวนน้อยแต่ได้น้ำมัน (เหลว) มากตามส่วน

เทคนิคการเลือกหนังหมู
หนังหมูเป็นวัตถุดิบหลักและเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการทำแคบหมู แคบหมู จะอร่อย มี ลักษณะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับหนังหมู ฉะนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างิยิ่งที่จะต้องเลือกหนังหม ูที่เหมาะสมในการทำแคบหมูมากที่สุดและดีที่สุดการเลือกหนังหมู ควรเป็นหนังหมูที่ได้จากข้างลำตัว และหนังสะโพก เป็นหนังหมูใหม่ ไม่มีกลิ่นเหม็น สะอาด มีสีขาวอมชมพูจาง ๆ ไม่มีสีซีดคล้ำ ไม่มี ขนติด และต้องไม่เป็นหนังที่ได้จากหมู ที่มีอายุน้อย เกินไป ควรจะมีอายุระหว่าง 3 - 6 เดือนขั้นตอนการทำแคบหมู การหั่นหนังหมู การหั่นหนังหมูก็มีบทบาทสำคัญในอันที่จะทำให้หนังหมู ที่ทอดเป็นแคบหมู แล้ว มีลักษณะพองมาก หรือน้อย และเป็นเส้นตรง หรือขดงอเป็นก้อนกลมชวนรับประทาน ไม่น้อยไปกว่าขนาดที่ตัด ฉะนั้น ในการหั่นหนังหมู จะต้องคำนึงถึง ลักษณะของหนังหมู และขนาดที่ตัดไปพร้อมกันด้วย จึงจะได้ แคบหมู ที่มีลักษณะ พอง และขดงอเป็นก้อนกลมน่ารับประทาน แบ่งการหั่นได้ 2 ขั้นตอนดังนี้ ขั้นตอนที่ 1หั่นหนังหมูตามความยาวของลำตัวหมูตลอดชิ้น โดยกำหนด ชิ้นส่วนของ หนังหมู ที่ต้องการหั่นให้ได้ขนาด 1 - 1.5 x 3 นิ้ว โดยหั่นหนังหมูตามยาว 3 นิ้วขั้นตอนที่ 2 จากการหั่นหนังหมูได้ความยาวตามลำตัวหมูกว้าง 3 นิ้วแล้วจึงนำหนังหมู ที่หั่นได้มาหั่นเป็นชิ้นเล็กให้มีขนาด 1 - 1.5 นิ้ว ก็จะได้ชิ้นส่วนของ หนังหมู ที่หั่นเสร็จขนาด 1 - 1.5 x 3 นิ้ว หากจะหั่น ขนาดโต กว่านี้ ก็ใช้หลักในการหั่นทำนองเดียวกัน ต่อจากนั้นนำหนังหมูที่หั่นได้ไปล้างน้ำสะอาด พักไว้ให้สะเด็ดน้ำการทำความสะอาดหนังหมู การทำความสะอาดหนังหมู มีขั้นตอนการทำดังนี้1. นำหนังหมูที่เลือกอย่างดีแล้วมาทำความสะอาด โดยการใช้ใบมีดโกน ชนิดมีด้าม ขูดสิ่งสกปรก ที่ติดมากับหนังหมูออก พร้อมขูดขนหมู หรือถอนขนหมู ออกให้หมด แล้วจึงล้างน้ำสะอาด เทใส่ตะกร้าไม้ไผ่พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ2. ในกรณีที่หนังหมูมีกลิ่นไม่สะอาดเพราะเก็บไว้นาน มีวิธีทำความสะอาด และขจัดกลิ่น นอกจากทำการขูดสิ่งสกปรกและขนออกแล้ว ให้นำไปล้างน้ำผสมสารส้ม อย่างเจือจาง แล้วจึงนำไปล้างน้ำให้สะอาดอีกครั้งหนึ่ง หลังจากหั่นหมู เป็นชิ้นแล้วการต้มหนังหมูด้วยน้ำมันนำหนังหมูที่ล้างสะอาดแล้ว ใส่ลงในกระทะที่เตรียมไว้สำหรับทอดแคบหมู ที่มีความกว้างและลึกให้ได้ส่วนกับจำนวน หนังหมูที่จะต้ม โดยให้มีที่ว่างพอสมควร เพื่อสะดวก ในการค้นมิให้หนังหมู และน้ำมันล้นออกมานอกกระทะ ในขณะที่ต้ม หรือทอดแคบหมู สำหรับเชื้อเพลิงที่ใช้ในการต้มนี้ ส่วนมากถ้าทำในเชิงธุรกิจ นิยมใช้ฟืน หรือถ่านอุณหภูมิประมาณ 110 องศาเซลเซียส ต่อจากนั้น ก็นำส่วนผสม ที่เตรียมไว้ ใส่ลงไปคนคลุกเคล้าให้เข้ากันไปเรื่อย ๆ เพื่อมิให้หนังหมู ติดก้นกระทะ และไหม้ได้ ให้คนกลับไปกลับมา พลิกข้างล่างขึ้นมาข้างบน และเกลี่ยขอบกระทะไปในตัวโดยคนด้วยตะหลิวด้ามยาวหรือไม้พายเมื่อส่วนผสมซึมซับเข้าไปในหนังหมูจนเป็นเนื้อเดียวกัน ให้สังเกตว่า จะมี น้ำมันออกมาบ้างแล้ว หากหนังหมูมีมันติดมาก ก็ไม่ต้องเติม น้ำมันหมู ที่สะอาด และบริสุทธิ์ลงไป แต่ถ้าหนังหมูมีมันติดน้อย หรือไร้มันก็ให้เติมหนังหมู ลงไป พอสมควร เพื่อป้องกัน มิให้หนังหมูติดก้นกระทะและจับเป็นก้อน ให้หนังหมู ถูกความร้อนโดยทั่วกัน ในขณะเดียวกัน ก็คอยแยกหนังหมูมิให้ติดกัน การต้มครั้งนี้เป็นการต้ม เพื่อลดความชื้นของหนังหมูให้น้อยลง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง (โดยประมาณ)เมื่อหนังหมูที่ต้มหดตัวและมีน้ำมันออกมามากพอสมควรแล้ว จะสังเกต เห็นว่าหนังหมูลอยตัวและไม่ติดก้นกระทะ ให้เพิ่มความร้อน ของเชื้อเพลิงขึ้นเป็น 130 องศาเซลเซียส (น้ำมันจะเดือดพล่าน) การต้มนี้เป็นขั้นตอน เพื่อให้หนังหมูสุก เหลืองและเกือบจะกรอบ โดยผ่านขั้นตอนสุกเปื่อย และหนังหมูจะเกาะกัน เป็นก้อน แล้ว ในขณะเดียวกันก็ต้องคนไปเรื่อย ๆ แต่อาจจะคนน้อยลง กว่า ตอนแรก เพื่อมิให้หนังหมูไหม้ และให้โดนความร้อนโดยทั่วถึงกัน ต้มต่อไป ประมาณ 1 ชั่วโมง ขั้นตอนนี้จะสังเกตได้ว่า หนังหมูจะแตกเสียงดัง มีน้ำมันกระเด็นออกมา ในขณะเดียวกัน น้ำมันก็จะออกมามากจนท่วมหนังหมูและเดือดพล่านในที่สุดหนังหมูจะค่อย ๆ ลอยตัวจากน้ำมัน มีสีเหลืองเข้มขึ้น และมีเสียงแตกดังเปาะแปะ จะสังเกตเห็นว่ามีจุดพองเป็นตุ่ม ๆ เกิดขึ้นรอบ ๆ หนังหมู ขั้นตอนนี้อาจจะต้องลดความร้อนลงบ้าง เพื่อมิให้ไหม้ คนต่อไปอีกสักครู่ ลองเอามือ จับหนังหมูดู ถ้าเห็นว่ามีลักษณะแข็งตัวพอสมควร และมีจุดพอง เกิดขึ้นโดยรอบ ก็เป็นอันว่าใช้ได้ ให้รับถอนไฟออกทันที (ดับไฟจนหมดเตา) ขั้นตอนนี้ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง รวมใช้เวลาต้มประมาณ 2 ชั่วโมง (ในกรณีทำ แคบหมู เชิงธุรกิจ)เมื่อต้มหนังหมูจนได้ที่แล้ว มีขั้นตอนการทำ ที่สำคัญอันจะมีผลให้หนังหมูพอง เป็นแคบหมูลักษณะที่ดีหรือไม้ ซึ่งแยกปฏิบัติได้ 3 วิธี ดังนี้วิธีที่ 1 เมื่อต้มหนังหมูด้วยน้ำมันได้ที่แล้ว ให้ดับไฟในเตา และแช่หนังหมูทิ้งไว้ ในน้ำมัน ประมาณ 2 ชั่วโมง จะสังเกตเห็นว่า ขณะที่น้ำมันเย็นลงเรื่อย ๆ หนังหมู ก็จะดูดซึมน้ำมันจนอิ่มตัวและค่อย ๆ จมลงก้นกระทะ คงเหลือแต่น้ำมันลอยท่วมอยู่ เมื่อเห็นว่าน้ำมันเย็นพอสมควรแล้ว จึงตักหนังหมูออกจากกะทะเพื่อให้สะเด็ดน้ำ แล้วจึงนำไปผึ่งลมให้คลายร้อน ต่อจากนั้นก็เตรียมเชื้อเพลิงสำหรับทอด เพื่อทำการทอดหนังหมูต่อไปวิธีที่ 2 ตักหนังหมูที่ต้มน้ำมันได้ที่แล้ว ใช้ทัพพีโปร่งตักหนังหมูขึ้นจากน้ำมัน พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน ขั้นต่อไปให้พักทิ้งไว้ให้เย็น ขั้นตอนนี้ หากจะให้หนังหมู คลายความร้อนเร็วขึ้น อาจจะใช้ พัดลมเป่า (เพื่อความรวดเร็ว ในการผลิต ให้ทันจำหน่าย) เมื่อเห็นว่าหนังหมูเย็นพอสมควร (อุ่น) ก็เตรียมเชื้อเพลิง สำหรับทอด เพื่อทำการทอดต่อไปข้อควรคำนึง อย่าใช้พัดลมเป่าหนังหมูนานเกินไปจนเย็น เมื่อนำไปทอด เป็นแคบหมู จะไม่ พองเท่าที่ควรวิธีที่ 3 หลังจากแช่หนังหมูต้มในน้ำมันตามวิธีที่ 1 แล้ว หากมีความจำเป็น ไม่สามารถ นำมาทอดเป็นแคบหมู ในวันเดียวกันได้ ก็อาจจะแช่หนังหมูต้มในน้ำมันไว้ โดย แช่น้ำมันให้ท่วมแล้วปิดฝาให้มิดชิด มิให้สิ่งสกปรกตกลงไปได้ หากจะทอดเมื่อใด ก็นำหนังหมูที่พักไว้นั้นมาต้มน้ำมันต่อ ให้ หนังหมูคลายตัว คือมีลักษณะอ่อนตัว และนิ่ม จึงตักขึ้นพักสะเด็ดน้ำ เตรียมทอดเป็นแคบหมูเหมือนวิธีที่ 2 ต่อไปการทอดแคบหมูเตรียมเชื้อเพลิงให้ร้อนพอสมควร ( 100 องศาเซลเซียส) ให้น้ำมัน ที่ใช้ต้ม หนังหมูทอด เมื่อน้ำมันร้อนจัดแล้ว สังเกตได้จากมีควันสีเขียวเกิดขึ้น ทดลอง โดยเอา หนังหมูที่เตรียมไว้หย่อนลงไปในกะทะ 1 - 2 ชิ้นก่อน ถ้าหนังหมู จมและลอยตัวขึ้นมาช้า ๆ แสดงว่าน้ำมันยังไม่ร้อนพอ ให้รอสักครู่ หนึ่งแล้วจึง ทดลองใหม่ จนเห็นว่าหนังหมูลอยตัวขึ้นมาทันที ก็เป็นอันว่าน้ำมันร้อนได้ที่แล้ว พร้อมที่จะทำการทอดแคบหมูต่อไปการทอดหนังหมูต้ม ให้เป็นแคบหมูนี้ ให้ใส่พอประมาณ ดูว่ามีเนื้อที่เหลือพอที่จะให้หนังหมู พองตัวแล้วไม่เบียดกันจนเกินไปเทคนิคในการทอด เมื่อใส่หนังหมูต้มลงไปทอดในน้ำมันที่ร้อนจัดแล้ว ให้ใช้ตะหลิวโปร่ง คอยกด หนังหมู ที่ลอยขึ้นมา จมลงไปในน้ำมันให้มากที่สุด ในขณะเดียวกันก็พยายาม คนพลิกกลับข้างบนลงข้างล่าง และแกว่งตะหลิวโปร่งไปมาสลับกัน เพื่อให้ หนังหมูขยายตัวและได้รับความร้อนจากน้ำมันโดยทั่วกัน ทอดต่อไปจนเห็นว่า แคบหมูพองตลอด ทั้งก้อนและมีสีเหลืองกรอบได้ที่แล้ว จึงตักแคบหมูขึ้นสะเด็ดน้ำมัน หรือใช้กระดาษซับน้ำมัน ทำการซับน้ำมันอีกครั้งหนึ่งก็ได้ พักทิ้งไว้ให้เย็นเตรียมบรรจุต่อไป การบรรจุและการเก็บรักษาแคบหมู แคบหมูเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากหนังหมูทอด มีลักษณะกรอบ ฉะนั้นในการเก็บรักษา ต้องคำนึงถึงการรักษาคุณค่าทางอาหาร และรสชาติของแคบหมู ให้มีลักษณะกรอบ ไม่มีกลิ่นเหม็นหืนดังนั้น ในการเก็บรักษาจะต้องมิให้ถูกความชื้น โดยการเก็บใส่ภาชนะ ที่มีฝาปิดสนิท และห่อหุ้มแคบหมูด้วยถุงพลาสติก รัดยางยึดให้แน่น ไม่ให้อากาศเข้าได้ ถ้าจำนวนไม่มาก อาจจะใส่ถุงพลาสติก รัดปากถุงให้แน่น ด้วยยางรัดของ แล้วนำเก็บเข้าตู้เย็น จึงจะสามารถเก็บรักษา ไว้หลายวัน โดยคงรสชาติเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ควรเก็บไว้นานเกินไป (ไม่ควรเกิน 5 วัน)สำหรับการบรรจุถุงเพื่อจำหน่ายนั้น

วิธีบรรจุ
ตามที่กล่าวข้างต้น เพียงแต่บรรจุ ตามราคาจำหน่ายปลีกและส่ง ตามความ เหมาะสมของแต่ละท้องถิ่น และความพอใจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย สำหรับราคาจำหน่ายโดยทั่วไป ราคากิโลกรัมละ 150 - 250บาท

วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ปอเปี๊ยะสด


ปอเปี๊ยะสด
วิธีดำเนินการ
ส่วนผสม
แป้งปอเปี๊ยะ ½ กิโลกรัม
เนื้อปูแกะแล้วนึ่งให้ร้อน 2 ขีด
กุนเชียง 3 คู่
(หั่นเป็นแท่งยาวนึ่งให้ร้อน)
ถั่วงอก 5 ขีด
แตงร้านฝานเอาไส้ออกหั่นเป็นชิ้น 5 ขีด
หมูตั้งหีนเป็นแท่งยาว 3 ขีด
ไข่กรอกหั่นฝอย 3 ลูก
ส่วนผสมหมูเต้าหู้ต้มเค็ม

เนื้อหมู 3 ขีด

ซีอิ้วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
เต้าหู้เหลือง 2 แผ่น
ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลมะพร้าว 1 ถ้วย
น้ำ 3 ถ้วย
อบเชย 1 นิ้ว
โป้ยกั๊ก 2 ดอก
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
รากผักชี 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียม 2 ช้อนโต๊ะ
พริกไทย 2 ช้อนชา
ส่วนผสมน้ำราดปอเปี๊ยะ

น้ำจากการต้มหมู-เต้าหู้ 2 ถ้วย
น้ำมะขามเปียก ½ ถ้วย
แป้งข้าวโพด ½ ถ้วย
เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
ผัก(ต้นหอม พริกชี้ฟ้าหั่นขวาง มัสตาด)
วิธีทำหมูเต้าหู้ต้มเค็ม
นำน้ำมันพืชใส่กระทะตั้งพอร้อน ใส่เครื่องที่โขลกผัดให้หอม ใส่น้ำตาลมะพร้าวเคี่ยวจนเป็นสีน้ำตาลไหม้ ใส่เนื้อหมู วีอิ้วขาว ซีอิ้วดำ อบเชย โป้ยกั๊ก น้ำ ตั้งไฟพอเดือด จึงใส่เต้าหู้หั่นเป็นแท่ง เคี่ยวไฟอ่อน พอหมูนุ่มยกลง
นำน้ำเหลือจากหมูต้ม-เต้าหู้เค็ม ตั้งไฟพอเดือด ใส่น้ำมะขามเปียก ชิมรส เมื่อรสดีแล้วละลายแป้งข้าวโพดใส่พอข้นยกลง
ข้อแนะนำ
เวลาจัดเสิร์ฟ วางปอเปี๊ยะใส่เครื่องต่างๆ ถั่วงอก แตงร้าน หมู เต้าหู้ หมูตั้ง ม้วนตัดเป็นท่อนๆ ราดด้วยน้ำ โรยหน้าด้วยปูแกะ ไข่หั่น พริกชี้ฟ้าหวานกับมาสตาด
ข้อมูลประกอบการลงทุน
เงินลงทุน ครั้งแรกประมาณ 5,000 บาท (รถเข็น 3,000 บาท ตู้กระจก 1,000 บาท)
รายได้ ประมาณ 9,000 บาท ขึ้นไปต่อเดือน
อุปกรณ์ รถเข็น ตู้กระจก มีด เขียง กล่องโฟม ถุงพลาสติก ยางรัดถุง)
ตลาดจำหน่าย
ตลาดแหล่งชุมชน ฝากขายหรือขายส่งร้านอาหาร

น้ำปั่นผลไม้


น้ำปั่นผลไม้
วิธีดำเนินการ
วัตถุดิบ
น้ำตาลทราย น้ำ นมสด เกลือป่น น้ำแข็ง และผลไม้ เช่น ส้ม มะนาว มะพร้าวน้ำหอม แตงไทย ฝรั่ง แอปเปิ้ล แตงโม ผลไม้ตามฤดูกาล
แหล่งจำหน่ายผลไม้
ตลาดมหานาค ตาดเทเวศร์ ตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง ตาดคลองเตย
วิธีทำ
นำน้ำตาลทรายและน้ำในอัตราส่วน 2:1 ตั้งไฟคนให้ละลายเข้ากันเป็นน้ำเชื่อม แล้วใส่โหลไว้
นำน้ำมะพร้าวหอมที่เตรียมไว้ เอาแต่น้ำแล้วแล้วตักเนื้อเป็นชิ้นๆ เทใส่ภาชนะ
ผลไม้อื่นๆ ใส่ภาชนะไว้ให้ดูในตู้จัดเรียงให้สวยงาม
วิธีปั่นน้ำผลไม้ 1 แก้ว
1. น้ำส้ม - ส้ม 1- 2 ผล (ขึ้นอยู่กับขนาดของผลส้ม) คั้นเอาน้ำ
น้ำมะนาว – มะนาว 1 ผล คั้นเอาน้ำ
สับปะรด – หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 1/3 ถ้วยตวง
มะพร้าวอ่อน – น้ำมะพร้าวพร้อมเนื้อเล็กน้อยประมาณ 1 ทัพพีกลม
2. นำน้ำหรือเนื้อผลไม้ตามที่ลูกค้าต้องการ ในอัตราส่วนข้อ 1 ใส่เครื่องปั่น
3. ตักน้ำเชื่อมใส่ประมาณ 1 ทัพพีกลม
4. ใส่เกลือประมาณ ¼ ช้อนชา (อาจมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำผลไม้)
5. ตักน้ำแข็ง ใส่
6. ใส่นมสดเล็กน้อยตามชนิดของน้ำผลไม้ที่ลูกค่ต้องการ
7. กดปุ่มเครื่องปั่นปั่นน้ำผลไม้ให้ละเอียด
8. เทใส่ถุงหรือแก้วให้ลูกค้า
ข้อแนะนำ
อาจเพิ่มชา กาแฟปั่น โอวัลตินหรือไมโลปั่น โดยเตรียม ชา กาแฟ โอวัลตินหรือไมโล ครีมเทียม นมข้นหวาน หรือขายควบคู่กับกาแฟโบราณ ร้อน-เย็น
ไมโล/โอวัลตินปั่นไมโล/โอวัลติน 3-4 ช้อนชาน้ำเชื่อม 4 1/2 ออนซ์นมสด 3-4 ออนซ์โกโก้ปั่นโกโก้ 2 ช้อนชาน้ำเชื่อม 4 1/2 ช้อนชานมสด 4 ออนซ์กาแฟปั่น กาแฟ 2 ช้อนชา น้ำเชื่อม 4 1/2 ออนซ์ นมสด 3-4 ออนซ์
การทำน้ำมะนาวปั่นไม่ควรบีบเปลือกมากเกินไป เพราะอาจทำให้มีรสขม
ควรสอบถามความต้องการของลูกค้าว่าต้องการรสชาติอย่างไร เช่นหวานมากหรือหวานน้อย ผลไม้บางชนิดต้องใส่นมสด
ข้อมูลประกอบการลงทุน
เงินลงทุน
ประมาณ 4,000 บาท (เครื่องปั่นน้ำผลไม่ 1,500 บาท กระติกน้ำแข็ง 200 บาท ที่คั้น
น้ำส้มอลูมิเนียม 250 บาท ) หรืออาจสอบถามร้านส่งน้ำแข็งจะมีถังน้ำแข็งมาวางให้ใช้ฟรี เมื่อสั่งเป็นประจำ
รายได้ ประมาณ 10,000 บาท/เดือน
อุปกรณ์ เครื่อปั่น ที่คั้นน้ำส้ม ภาชนะใส่ผลไม้ โหลน้ำเชื่อม ช้อน มีด เขียง ทัพพีกลมขนาด
เส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5 นิ้ว แก้ว ถุงฟลาสติก หลอดดูด ยางรัด ภาชนะตักน้ำแข็ง
แหล่งจำหน่ายอุปกรณ์ ร้านค้าจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้าต่างๆ คลองถม เวิ้งนครเขษม
ตลาดจำหน่าย ย่านชุมชน ตลาดทั่วไป หน้าสถาบันการศึกษา หรือเช่าที่ในศูนย์การค้า

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เสรีภาพ


เสรีภาพกลายเป็นรางวัลผู้ที่ปรับทัศนคติได้สำเร็จ มนุษย์จะได้เวลาสำหรับครอบครัว อาศัยเทคโนโลยีในการสื่อสาร และการทำงานที่เป็นนายของตัวเอง และมีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น มีเวลาดูแลจิตใจและร่างกายของตัวเองมากขึ้น คนที่ปรับความคิดใหม่ได้จะหมดความโกรธ ความเศร้า และใช้ชีวิตใหม่ด้วยความสงบขึ้นกว่าเดิม คนยินดีมีรายได้ที่น้อยลง เพื่อชีวิตที่คุณภาพมากขึ้นทุกคนควรตั้งปณิธานให้ชัดเจนว่า ไม่ว่าโลกจะแปรเปลี่ยนไปอย่างไร เราจะดูแลครอบครัว ดูแลธุรกิจ ดูแลการงานที่เราทำ ดูแลชีวิตทั้งจิตใจและร่ากาย
มนุษย์ในสหัสวรรษที่ 3 ต้องเรียนการดำรงชีวิตท่ามกลางความยุ่งเหยิง ความเจ็บปวด ความเจ็บแค้นและผลประโยชน์ที่ลดลงอย่างน่าใจหาย ต้องลืมคำว่าฟุ้งเฟ้อ และหัดประมาณตน ใช้ชีวิตอย่างพอมีพอกิน ไม่หลงใหลความสุขสบายที่เป็นส่วนเกิน
ถึงเวลาที่เราต้องรื้อฟื้นคำว่าบ้าน คือวิมานและใช้เวลาอยู่กับบ้าน เราอาจมีเงินน้อยลง แต่เรามีเวลามากขึ้น เราอาจมีชื่อเสียงน้อยลง แต่เรามีความสุขกาย เราอาจมีทรัพย์สินน้อยลง แต่เรามีเสรีภาพมกขึ้น เราอาจออกสังคมน้อยลง แต่เราได้อยู่กับครอบครัวมากขึ้น ถึงเวลาที่เราต้องทำให้สถาบันครอบครัวอันเป็นสถาบันที่เล็กที่สุด ในรากฐานสังคมให้แข็งแกร่ง ให้เป็นสังคมที่ดีมีคุณธรรม
คุณธรรมและจริยธรรมเป็นสิ่งที่เราโหยหา การแสวงหาความสุขที่ไม่ใช่ทาสแห่งความทะเยอทะยาน มีหัวใจเปี่ยมล้นด้วยความรัก รักตัวเอง รักครอบครัว รักเพื่อนบ้าน รักชุมชน และที่สำคัญที่สุด รักประเทศไทย มาตุภูมิที่เราคนไทยทุกคนต้องกตัญญู
ที่มา: รศ. ดร. เสรี วงษ์มณฑา, พฤติกรรมผู้บริโภค,2542

ad